วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

เจ้าของสโมสรลิเวอร์พูลคนใหม่ เขาคือใคร? มั่นคงจริง?

หลังจากที่หนังเรื่องยาวของชาวลิเวอร์พูลจบลงอย่างชื่มมื่นด้วยการเข้าเทคโอเวอร์สโมสรจากกลุ่มนิว อิงค์แลนด์ สปอร์ต เวนเจอร์(NESV) ที่มีจอห์น เฮนรี่นักธุรกิจชาวสหรัฐเป็นเจ้าของ ทำให้นักเตะและแฟนบอลของลิเวอร์พูลหายใจได้โล่งปอดมากขึ้น แต่อาจมีหลายคนสงสัยว่าในอนาคตต่อไปสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขาจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง หลังจากที่เคยมีประสบการณ์การเทคโอเวอร์จากนักธุรกิจชาวสหรัฐเมื่อปี 2007

แต่สำหรับตอนนี้สิ่งที่เหนือไปกว่าการมองไปที่อนาคต คือสภาพทีมปัจจุบันภายใต้หัวเรือใหม่ หงส์แดงต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเอาตัวรอดจากอันดับที่ 18 ท้ายตารางให้ได้

จอห์น เฮนรี่ เผยผ่านทวิตตเตอร์ส่วนตัวหลังจากที่เข้าเทคโอเวอร์สโมสรได้สำเร็จว่า รู้สึกภาคภูมิใจมาก ตั้งใจจะใช้ผลงานและการกระทำเพื่อพิสูจน์ตนเอง โดยให้ความเชื่อมั่นว่าคติประจำใจในการทำงานคือ"ชัยชนะ" แต่เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่าต้องใช้เวลา 3 ปีในการทำงานเพื่อพาหงส์แดงกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง

นักธุรกิจเจ้าแห่งการแลกเปลี่ยนซื้อขายวัย 61 ปีผู้นี้ เกิดที่ย่านควินซี่ รัฐอิลลินอยส์ มีความชื่นชอบในกีฬาเบสบอลตั้งแต่กำเนิด มีทีมโปรดเป็นทีมเซนต์ หลุยส์ คาร์ดินาลส์ ทั้งนี้ จากคำบอกกล่าวของจอห์น แดมการ์ด ประธานของสหพันธ์ฟิวเจอร์ อินดัสทรี่ เผยว่าความชอบในเรื่องตัวเลขนั้นมีที่มาจากความชื่นชอบในกีฬาเบสบอล

เมื่อเข้าวัย 26 ปี เฮนรี่ได้รับมรดกฟาร์มจากครอบครัวและใช้พรสวรรค์ในทางธุรกิจเปลี่ยนฟาร์มของตัวเองจนประสบความสำเร็จและต่อยอดมาเรื่อยๆ ช่วงก่อนหน้าที่เฮนรี่จะเป็นผู้ถือครองทีมบอสตัน เร้ด ซอกส์ ทีมเบสบอลในสหรัฐ เฮนรี่ยังถือครองหุ้นส่วนหนึ่งของทีมฟลอริด้า มาร์ลินส์ และทีมนิวยอร์ค แยงกี้ ยอดทีมเบสบอลขวัญใจแฟนกีฬาชาวสหรัฐกว่าครึ่ง จนมาถึงในปี 2002 เฮนรี่จึงทำสถิติเข้าครอบครองบอสตัน เร้ดที่มูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ สองปีต่อมาเฮนรี่พาทีมบอสตันคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกในรอบ 86 ปี ยุติฝันร้ายของสโมสร ไม่เพียงแค่นั้นนำความสำเร็จมาาสู่ทีมอีกครั้งในปี 2007

โดยกลุ่ม NESV ของจอห์นไม่เพียงแต่จะเป็นเจ้าของบอสตัน เร้ด ซอกส์ ยังถือหุ้นในกลุ่มเครือข่ายโทรทัศน์ในท้องถิ่นอีกถึง 80 % เป็นเจ้าของหุ้นของทีมโรช เฟนเวย์ เรสซิ่ง ในแนสคาร์ รายการแข่งรถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในสหรัฐ และยังเป็นฐานทางการตลาดที่สนับสนุนกลุ่มธุรกิจทางกีฬาอื่นๆอีก ซึ่งมีนักธุรกิจทางกีฬาคาดการณ์ว่าหากจอห์นขาย NESV ไปในตลาดจะมีมูลค่าถึง 1.6-1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

จากการจัดอันดับของ "ฟอร์บส" นิตยสารชื่อดัง ฟอร์บส์จัดลำดับทีมบอสตัน เร้ด ซอกส์ และโรชเฟนเวย์ไว้เป้นอันดับที่ 2 ในรายชื่อ แบรนด์การกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในบรรดากีฬาต่างๆในปี 2010 ที่ 840 ล้านเหรียญ และ240 ล้านเหรียญตามลำดับ อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี 2009หากลองหักมูลค่าไปโดยประมาณคาดว่ากลุ่ม NESV จะมีมูลค่าที่ 1.1 ล้านเหรียญ ซึ่งทางฟอร์บส์ก็ไม่ได้จับเฮนรี่เข้าในรายชื่อของบรรดาเศรษฐีพันล้านทั้งหลายแหล่

แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่เฮนรี่จับต้องจะกลายเป็นเงินเป็นทองไปซะทุกอย่าง จากภาวะที่ฝืดเคืองของเศรษฐกิจในสหรัฐในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจอห์น ดับบลิว เฮนรี่ และโบคา ราตัน ของจอห์น เฮนรี่เองก็ประสบกับภาวะรายได้ถดถอยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจของเฮนรี่ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าอิจฉามากที่สุดกลุ่มหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นกลุ่มบริษัทประกอบการที่มีความแข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งในโลกจากการวิเคราะห์ของ"GlobalAnalytics"หน่วยงานวิจัยทางสถิติในซาน ดิเอโก โดยพบว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ทำรายได้โดยเฉลี่ยในแต่ละปีที่ 12% นับตั้งแต่เริ่มทำการเมื่อปี 1997 นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทในเครือของเฮนรี่ที่อยู่ในสายธุรกิจด้านโลหะและสัญญาทางการลงทุนต่างๆมีรายรับได้ถึง 21 % ต่อปีตั้งแต่ปี 1984 ที่เริ่มกิจการมา โดยตัวเลขเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจมากทีเดียวในทัศนะของผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ทางการลงทุน

ในขณะที่สถานการณ์ทางการเงินและการบริหารสโมสรเริ่มคลี่คลาย ทีมได้ฐานการเงินและการบริหารที่มีความมั่นคงมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง ชาวลิเวอร์พูลคงต้องเริ่มมุ่งมั่นเก็บแต้ม ดันตัวเองให้หลุดจากโซนตกชั้นให้ได้ ซึ่งปราการด่านแรกหลังจากที่เพิ่งฝ่ามรสุมมาก็ถือว่าหนักหนาสาหัส ต้องออกไปเยือนของเอเวอร์ตันคู่ปรับร่วมถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์หนำซ้ำยังเป็นทีมร่วมโซนตกชั้นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ คาดว่าจอห์น เฮนรี่ เจ้าของสโมสรจะปรากฎตัวขึ้นที่สนามในวันที่ 24 ตุลาคมในนัดที่หงส์แดงจะเปิดสนามพบกับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส มากกว่าที่จะโผล่มาที่สนามของคู่ปรับอย่างเอเวอร์ตัน แฟนของหงส์แดงคงต้องอดใจรอคอยและให้กำลังใจทีมหงส์แดงที่เหมือนชุบตัวกลับมาต่อสู้ล่าฝันอีกครั้งหนึ่ง

แปลและเรียบเรียงจากบทความของรอยเตอร์
ที่มา: http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287221461&grpid=01&catid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น