วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

รำลึก บ๊อบ เพสลี่ย์ ยอดกุนซือตำนานหงส์แดง


"ถ้าหากคุณจะยกย่องใครสักคนว่าเป็นผู้จัดการทีมที่เยี่ยมที่สุดตลอดกาล ก็อาจจะต้องมีการถกเถียงวิเคราะห์กันยาวว่าสมควรหรือไม่ แต่ในกรณีของ บ๊อบ เพสลี่ย์ ผมกล้าพูดได้เลยว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในแผ่นดินนี้ นับตั้งแต่มีเกมลูกหนังเป็นต้นมา" เคนนี่ ดัลกลิช สดุดีถึง เพสลี่ย์

หากเอ่ยถึงชื่อกุนซือนามว่า "บ๊อบ เพสลี่ย์" แล้ว เหล่าสาวกเดอะ ค็อป ตัวจริงทั้งหลายคงไม่มีใครหรอก ที่ไม่รู้จักชายผู้ที่มีสัญลักษณ์การแต่งกายในการคุมทีมด้วยเสื้อนอกผ้าขนสัตว์ กับหมวกทรงแบนผู้นี้ ซึ่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ เป็นวันครบรอบ 10 ปี แห่งการจากไปของสุดยอดผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่เคยมีมาของถิ่นแอนฟิลด์

"โรเบิร์ต บ๊อบ เพสลี่ย์" เกิดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 1919 ในหมู่บ้านชาวเหมืองที่ เฮตตัน ลี โฮล เขตเดอร์แฮม ซึ่งอยู่ห่างจากซันเดอร์แลนด์ประมาณเจ็ดไมล์

บ๊อบ เริ่มต้นการค้าแข้งกับทีมสมัครเล่น บิชอป อ๊อคแลนด์ ในปี 1937 ก่อนที่ชีวิตของเขาจะเริ่มต้นความผูกพันกับทีมหงส์แดงที่ยาวนานต่อมาถึงครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว บ๊อบ เซ็นสัญญากับลิเวอร์พูล ในวันที่ 8 พ.ค. 1939 และได้รับใช้สโมสรในฐานะนักเตะนานถึง 15 ปีด้วยกัน ก่อนที่เขาจะยุติการค้าแข้งหลังสิ้นสุดฤดูกาล 1953-54 ซึ่งในซีซั่นนั้น ลิเวอร์พูลได้อันดับสุดท้ายของลีกสูงสุด ทำให้ต้องร่วงลงมาเล่นในดิวิชั่น 2

บ๊อบ ผันตัวเองไปอยู่เบื้องหลัง โดยรับตำแหน่งเป็นสตาฟฟ์โค้ช ดูแลทีมสำรองของลิเวอร์พูล และในปีที่ 3 ของการคุมทีมสำรองของเขา บ๊อบ ได้พาทีมสำรองของลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เซนทรัล ลีก ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเป็นต้นมา ก่อนที่ในเดือน ส.ค. 1959 บ๊อบ จึงได้เลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชของทีมชุดใหญ่

ซึ่งในช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกันนี้เอง "บิลล์ แชงค์ลี่ย์" กุนซือชาวสกอตต์ได้ก้าวเข้ามาคุมบังเหียนทีมหงส์แดง บิลล์ กับ บ๊อบ คุมทีมด้วยกัน 784 นัด ตลอดระยะเวลา 14 ปีครึ่ง บ๊อบ ทำงานในตำแหน่งโค้ชทีมชุดใหญ่จนถึงปี 1971 ก่อนที่จะได้เป็นผู้ช่วย บิลล์ จนถึงปี 1974

จนกระทั่งในเดือน ก.ค. 1974 บิลล์ ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และก็เป็น บ๊อบ เพสลี่ย์ ที่ได้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทนด้วยวัย 55 ปี สืบทอดตำนานความยิ่งใหญ่ของ บิลล์ แชงค์ลี่ย์ และสามารถสร้างหงส์แดงให้เกรียงไกรยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก

ลิเวอร์พูลได้อันดับที่ 2 ของลีกสูงสุด จากการคุมทีมในฤดูกาลแรกของเขา แต่หลังจากนั้นตลอด 8 ฤดูกาลให้หลัง ความสำเร็จก็ได้หลั่งไหลเข้ามาในถิ่นแอนฟิลด์อย่างไม่ขาดสาย เปรียบดังตัวเขาเป็นผู้สร้างเทพนิยายแห่งแอนฟิลด์

เริ่มต้นด้วยการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งลีกดิวิชั่น 1 และถ้วยยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 1975-76 แต่ไฮไลต์สำคัญในการคุมทีมของ บ๊อบ อยู่ในช่วงทั้ง 2 ฤดูกาลถัดมา เมื่อตัวเขาสามารถพาทีมป้องกันแชมป์ดิวิชั่น 1 เอาไว้ได้ พร้อมกันนั้นยังเป็นผู้จัดการทีมสายเลือดอังกฤษคนแรกที่พาทีมจากแดนผู้ดีคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ โดยเอาชนะ มึนเช่นกลัดบัค จากเยอรมัน ได้ที่กรุงโรม 3-1 ซึ่งเป็นเกียรติยศครั้งแรกของสโมสรในถ้วยใบนี้อีกด้วย

ในฤดูกาล 1977-78 เพสลี่ย์ ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นโอบีอี พร้อมทั้งสามารถพาทีมป้องกันแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ เอาไว้ได้อีกครั้ง ด้วยชัยชนะเหนือ เอฟซี บรูช จากเบลเยียม ที่เวมบลีย์ 1-0

บ๊อบ ใช้เวลาไม่ถึงสี่ปีสร้างความสำเร็จให้ลิเวอร์พูลอย่างมากมาย แม้ว่าหงส์แดงจะประสบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่เพสลี่ย์ก็ไม่เคยหลงระเริง เขายังคงติดดิน มองโลกตามที่เป็นจริง และปลูกฝังให้สโมสรที่เขารักมีรากฐานแข็งแกร่ง ไม่ฟุ้งเฟ้อลืมตัว ทุกคนในทีมลิเวอร์พูลจะต้องมุ่นมั่นทำงานหนักต่อไปเพื่ออนาคต มิใช่ลุ่มหลงอยู่กับชื่อเสียงเดิมๆ

ฤดูกาล 1980-81 บ๊อบ พาทีมหงส์แดงปราบ รีล มาดริด ที่สนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ที่ประเทศฝรั่งเศส 1-0 คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ได้เป็นครั้งที่ 3 ในการคุมทีมของเขา พร้อมกันนั้น เขายังได้ทำลายอาถรรพ์ จารึกชื่อลิเวอร์พูลไว้ในถ้วยแชมป์ ลีก คัพ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกของสโมสรอีกด้วย

บ๊อบ เริ่มจะคิดถึงการเกษียณอายุ และได้เลือกเดอร์แฮมถิ่นเกิดเป็นสถานที่ประกาศว่าฤดูกาล 1982-83 จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาในการคุมทีมหงส์แดง

"ผมจะทำงานนี้ต่อไปอีก 12 เดือน ซึ่งก็จะเท่ากับว่า ผมอยู่ที่ลิเวอร์พูล 44 ปีเต็ม จากนั้น ผมก็จะส่งมอบตำแหน่งให้ผู้จัดการทีมคนต่อไป หลายปีที่ผ่านมาเราพบกับความเปลี่ยนแปลงมากมาย เมื่อผมมีความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะดำเนินต่อไปได้ราบรื่น ก็ย่อมหมายความว่าถึงเวลาที่ผมจะวางมือได้อย่างสบายใจแล้ว"

ในฤดูกาลสุดท้ายของการคุมทีม เพสลี่ย์ พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ซึ่งเป็นแชมป์ครั้งที่ 6 ตลอดช่วง 9 ฤดูกาล ที่เขาคุมทัพ แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน

แล้วฤดูกาล 1982-83 ก็ดำเนินมาถึงเกมเหย้านัดสุดท้ายของหงส์แดง แอสตัน วิลล่า เป็นฝ่ายมาเยือน ผลการแข่งขันเสมอกันไป 1-1 แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจผลการแข่งขันเท่าไรนัก เพราะนัดนี้จะเป็นเกมอำลาแอนฟิลด์ของ "บ๊อบ เพสลี่ย์"

ซึ่งก่อนเกมการแข่งขัน ได้มีการรับมอบถ้วยแชมป์ดิวิชั่น 1 นอกจากนั้น บ๊อบ ยังได้รับรางวัลส่วนตัว โดยเป็นโล่เกียรติยศจากรอยัล ดาลตัน มีข้อความจารึกว่า "ผู้จัดการทีมที่สร้างสถิติยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล"

และเมื่อยอดผู้จัดการทีมในชุดเสื้อฝนที่แฟนๆเห็นกันจนชินตาชูถ้วยรางวัลขึ้น เสียงเชียร์และเสียงร้องเรียก "บ๊อบ เพสลี่ย์" ก็ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม จากนั้น เขาก็หันหลังกลับเดินเข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะเดินบนเส้นทางนี้ในฐานะผู้จัดการทีมหงส์แดง ผู้สร้างตำนานความสำเร็จที่เหนือกว่าสถิติใดๆในวงการฟุตบอล

วันที่ เพสลี่ย์ อำลาเหล่าเดอะ ค็อป นั้น เขามีอายุได้ 64 ปีเต็ม อยู่ในแอนฟิลด์มานานกว่าครึ่งชีวิต ขาดอีกเพียงวันเดียวก็จะครบ 44 ปี หลังจากนั้น บ๊อบ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารสโมสรลิเวอร์พูล ก่อนที่ บ๊อบ จะป่วยล้มป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ และได้ถึงแก่กรรมในวันวาเลนไทน์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 1996 รวมอายุได้ 77 ปี

ด้าน เดวิด มัวร์ ประธานสโมสรก็ได้กล่าวยกย่องถึง เพสลี่ย์ ว่า "บ๊อบรู้จักนักเตะและเชี่ยวชาญศาสตร์ฟุตบอลชนิดที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ไม่มีผู้จัดการคนไหนในวงการลูกหนังที่จะประสบความสำเร็จกวาดรางวัลได้มากเท่ากับเขา บ๊อบนำสโมสรของเราคว้าชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่เขาไม่เคยหยิ่งผยอง ยังคงถ่อมตัวเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา ชื่อของเขาจะอยู่คู่กับสโมสรลิเวอร์พูลตลอดไป"

และจากผลงานของลิเวอร์พูลในยุคปัจจุบันนี้ เชื่อว่าเหล่าบรรดาผู้อุทิศตนเป็นสาวกเดอะ ค็อป ทั้งหลาย ได้แต่หวังไว้ว่า ราฟาเอล เบนิเตซ จะเป็นบุรุษผู้ที่เข้ามาสร้างความเกรียงไกรให้แก่ทีมหงส์แดงได้อีกครั้ง เฉกเช่นดังชายผู้นี้ "บ๊อบ เพสลี่ย์" ...

เกียรติยศถ้วยแชมป์ของ บ๊อบ เพสลี่ย์ กับลิเวอร์พูล
ดิวิชั่น 1 อังกฤษ : 1975-76, 1976-77, 1978-79, 1979-80, 1981-82, 1982-83
ลีก คัพ : 1980-81, 1981-82, 1982-83
แชร์ลิตี้ ชิลด์ : 1975-76, 1976-77, 1978-79, 1979-80, 1981-82
ยูฟ่า คัพ : 1975-76
ยูโรเปี้ยน คัพ : 1976-77, 1977-78, 1980-81
ซูเปอร์ คัพ : 1977
ที่มา http://football.sanook.com/talk/09462.php?page=25

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น