วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554
50 ตำนานลูกหนังของหงส์แดง
เช่นเดียวกับสื่อหลายฉบับ หลายสำนัก ที่มักทำการจัดอันดับเรื่องราวอันหลากหลายซึ่งครอบคลุมทุกส่วนของโลกกีฬา เพียงแต่ เดอะ ไทม์ส หนังสือพิมพ์เมืองผู้ดีจะมีจุดเด่นที่แตกต่างสำนักอื่นๆ อยู่สักหน่อย
เพราะขณะที่สื่อส่วนใหญ่จะจัด "ท็อปเท็น" หรือ 10 อันดับเรื่องราวแต่ละสาขา เดอะ ไทม์ส มักจะมาทีเดียวถึง 50 อันดับกันเลย ซึ่งล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์อังกฤษฉบับนี้ก็เพิ่งทำจัดอันดับท็อป 50 เอาใจสาวกหงส์แดงว่าด้วย 50 นักเตะยอดเยี่ยมตลอดกาลของลิเวอร์พูล ซึ่งมีผู้เล่นชั้นเลิศจากอดีตถึงปัจจุบันติดโผเข้ามามากมาย
ที่เซอร์ไพรส์สุดสุดคงไม่พ้น เฟร์นานโด ตอร์เรส กองหน้าชาวสเปน ซึ่งแม้จะเพิ่งย้ายจาก แอตเลติโก้ มาดริด มายังถิ่นแอนฟีลด์เมื่อปี 2007 แต่ได้รับการยอมรับว่าสร้างผลงานยอดเยี่ยมให้ทีมจนติดเข้ามาในอันดับ 50 ซึ่งเดอะ ไทม์ส หมายเหตุไว้ด้วยว่า ถ้าเขายังเล่นให้ลิเวอร์พูลต่อไปเรื่อยๆ วันที่จะได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ในอันดับท็อปเท็นย่อมอยู่ในระยะเอื้อมถึงอย่างแน่นอน
ขยับขึ้นไปอันดับที่ 48 คือ บรู๊ซ กร็อบเบลาร์ นายทวารผู้ลงเฝ้าเสาให้หงส์แดงถึง 628 นัด อันที่จริงผลงานของกร็อบเบลาร์ถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะลูกเล่นจิตวิทยากดดันนักเตะ โรม่า ในการดวลจุดโทษรอบชิงฟุตบอลยูโรเปี้ยนคัพ เมื่อปี 1984 แต่เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้ติดอันดับสูงกว่านี้ก็เพราะข่าวอื้อฉาวเรื่องพัวพันการล้มบอลนั่นเอง
หลายปีต่อมา ลีลาขยับแข้งขาของกร็อบเบลาร์ก็ถูกนำมาใช้อีกครั้งโดย เจอร์ซี่ ดูเด็ก (อันดับ 42) ซึ่งช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2004-05 ไปครอง และว่ากันว่าคนที่ควรได้เครดิตจากลีลานี้ไม่แพ้กันคือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ กองหลังรุ่นลายครามของสโมสรซึ่งเป็นคนบอกให้นายทวารชาวโปแลนด์ทำอย่างนั้น
ด้วยฝีเท้า ความภักดี และอารมณ์ร่วมที่เขามีต่อเกม คาร์ราเกอร์จึงเป็นหนึ่งในนักเตะยุคปัจจุบันไม่กี่คนที่ติดโผ 50 อันดับผู้เล่นหงส์แดงที่ดีที่สุดตลอดกาลมาด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างรวมกันแล้ว เขาได้รับเลือกให้อยู่สูงถึงอันดับที่ 9 ขณะที่กองหลังร่วมยุคอีกรายอย่าง ซามี่ ฮูเปีย รั้งอันดับที่ 46
เมื่อเอ่ยถึงแชมป์ยุโรปหนล่าสุดของหงส์แดงที่ถูกขนานนามว่า ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล แล้ว จะไม่กล่าวชื่อ ดีตมาร์ ฮามันน์ (อันดับ 26) กองกลางตัวรับจากเมืองเบียร์เลยก็คงไม่ถูกต้องนัก
แน่นอนว่าค่ำคืนนั้นมี "ฮีโร่" ที่ควรได้รับการยกย่องมากมาย แต่เดอะ ไทม์ส บอกว่า ทั้งหมดเริ่มต้นจาก "ดีดี้" คนนี้นี่แหละ เพราะขณะที่ครึ่งแรก กาก้า เพลย์เมกเกอร์เอซี มิลาน มีอิสระในการเล่นจนยอดทีมจากอิตาลีนำไปถึง 3-0 ฮามันน์ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังสามารถหยุดกาก้าได้อยู่หมัด และปาฏิหาริย์ก็เริ่มต้นจากตรงนั้นเอง...
เอ่ยถึงแนวรับกันไปแล้ว ลองไปดูที่แนวรุกของทีมกันบ้าง เพราะแต่ละยุคสมัย ลิเวอร์พูลมักจะมีกองหน้าหรือกองกลางที่สร้างสรรค์เกมรุกอันยอดเยี่ยมจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงเรื่อยมา ถ้าใกล้ตัวเราสักหน่อยก็คือ ไมเคิล โอเว่น (อันดับ 19) ผู้ทำไปถึง 158 ประตู ในการลงสนาม 297 นัด และ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (อันดับ 14) ที่ว่ากันว่าแฟนๆ ไม่ใช่แค่รักการทำประตูของเขา แต่ยังรักลีลาการแสดงความดีใจที่ไม่วายแอบกัดคู่แข่งสำคัญของหงส์แดงอย่างเจ็บๆ คันๆ อีกต่างหาก
...สำหรับ 2 อันดับสุดท้ายเชื่อว่าถึงตรงนี้หลายคนอาจจะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นใคร เพราะจนถึงตรงนี้ยังไม่ปรากฏชื่อ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด (อันดับ 2) กัปตันทีมหงส์แดงชุดปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นที่รักแบบเต็มร้อยจากเหล่าเดอะ ค็อป นัก แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ทุกครั้งที่สตีวี่จีอยู่ในสนาม เกมของหงส์แดงดีกว่าตอนไม่มีเขามากทีเดียว
และท้ายที่สุดบนหัวตารางของสุดยอดนักเตะลิเวอร์พูล เดอะ ไทม์ส มอบเกียรติประวัตินี้ให้แก่ เคนนี่ ดัลกลิช ผู้มีส่วนในตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดของหงส์แดง 8 สมัยทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม
เดอะ ไทม์สให้เครดิตว่า ในช่วงรอยต่อระหว่างการเปลี่ยนยุคตำนานลูกหนังโลกจาก โยฮัน ครัฟฟ์ สู่ ดีเอโก้ มาราโดน่า น่าจะไม่มีนักเตะคนไหนโดดเด่นไปกว่าดัลกลิชอีกแล้ว!
แฟนบอลลิเวอร์พูลจากอดีตถึงปัจจุบันล้วนแต่รักและชื่นชมเขา แน่นอนว่าพรสวรรค์ที่หาตัวจับยากคือเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลที่ใหญ่ยิ่งกว่าก็คือ "ความใจกว้าง" ที่ช่วยฉุดให้ทั้งทีมพัฒนาไปพร้อมๆ กันนี่เอง!
หรือถ้าถอยหลังไปสักนิดในปลายยุค 80 คือแนวรุกสามประสานที่ประกอบด้วย จอห์น บาร์นส์ (อันดับ 3) ปีกจอมเลี้ยงบอล จอห์น อัลดริดจ์ (อันดับ 27) ซึ่งมีสถิติการทำประตู 1 ลูกทุกๆ 1.6 เกม (ยิง 63 ประตูจาก 104 นัด) และ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ (อันดับ 44) ที่ทำให้เดอะ ไทม์ส โดนคนอ่านวิจารณ์มากมายเพราะจัดอันดับให้เขาอยู่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับฝีเท้า สไตล์ และสายตาอ่านเกมที่เด็ดขาดที่ช่วยให้หงส์แดงคว้าแชมป์ลีกสูงสุดมา 2 สมัย
อ้อ! อีกคนที่ตกสำรวจไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงคือ เอียน รัช (อันดับ 11) ดาวยิงระดับตำนานที่ซัลโวไป 346 ประตู ในการลงเล่น 660 นัด โดยลีลาที่พีคที่สุดของเขาคือการสังหาร 4 ประตูพาทีมพิชิตคู่รักคู่แค้น เอฟเวอร์ตัน เมื่อปี 1982
ท้ายที่สุดขอเข้าสู่อันดับท็อปเท็นอื่นๆ ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงกันบ้าง ในอันดับ 10 คือ โรเจอร์ ฮันต์ หนึ่งในกองหน้าที่เป็นที่เกรงขามที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษในยุค 60 ส่วนอันดับ 8 คือ บิลลี่ ลิดเดลล์ ปีกซ้ายผู้นำทัพในยุค 50 จนหงส์แดงถูกเรียกขานว่า ลิดเดลล์พูล ในยุคนั้น และอันดับ 7 อลัน แฮนเซ่น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟผู้ร่วมคว้าทริปเปิลแชมป์กับทีมในฤดูกาล 1983-84
เควิน คีแกน ยอดกองหน้าผู้ทุ่มเทและวิ่งไล่บอลไปทั่วสนามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของหงส์แดงยุค 70 ติดโผในอันดับที่ 6 ขณะที่ ทอมมี่ สมิธ ผู้ทำประตูชัยในนัดชิงยูโรเปี้ยนคัพเมื่อปี 1977 อยู่อันดับ 5 และ แกรม ซูเนสส์ ในอันดับ 4 คือกองกลางอเนกประสงค์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการลูกหนังเมืองผู้ดี
ที่มา มติชนรายวัน 18 กุมภาพันธ์
ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=399448
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น